พัทยา –
เจ้าของบาร์ชาวอังกฤษในพัทยา Mr. Jason Childes อายุ 49 ปีพร้อมทนายความจากสำนักทนายความ อีสาน ลอว์เยอร์ (Issan Lawyer) เข้ามาติดต่อเดอะพัทยานิวส์เพื่อหวังให้ช่วยเผยแพร่เรื่องราวข้อพิพาทระหว่างเขากับอดีตเพื่อนรัก
โดยเจ้าของบาร์เล่าว่า เขาได้ตัดสินใจซื้อ Happy Buddha Sports Bar ในซอยเจ็ด เมืองพัทยาเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาและเปิดให้บริการเดือนมิถุนายน โดยให้เพื่อนสนิทที่คบกันมา 18 ปีเป็นคนเซ็นสัญญาเช่าเป็นเวลา 12 เดือน แต่ทาง Mr. Jason เป็นผู้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมถึงเป็นผู้ดูแลกรรมสิทธิของบาร์
Mr. Jason เปิดเผยว่า ด้วยความไว้ใจเขาจึงจ้างญาติของเพื่อนสนิทให้มาทำงานที่ร้านด้วยแต่สุดท้ายก็ต้องไล่ทั้งสองออกไป เพราะเขาจับได้ว่าเพื่อนของเขาชอบหลับในที่ทำงานและญาติของเขาก็โขมยของจากร้านสะดวกซื้อที่ Mr. Jason เป็นเจ้าของอีกด้วย โดยทาง Mr. Jason และทนายมีหลักฐานยืนยันพฤติกรรมที่อ้างมาทั้งหมด
หลังจากเขาไล่ทั้งสองคนออก Mr. Jason กล่าวว่าเพื่อนสนิทที่เป็นผู้เซ็นสัญญาเช่าบาร์ให้กับเขาพยายามไปขอยกเลิกสัญญากับผู้ปล่อยเช่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทำให้เกิดข้อพิพาททางกฏหมายตามมาและ Mr. Jason ยังอ้างด้วยว่าเขาถูกข่มขู่จากหลายบุคคลซึ่งหนึ่งในนั้นอาจเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ ถึงแม้ทางทนายจาก อีสาน ลอว์เยอร์ จะยืนยันว่าบาร์ของ Mr. Jason ยังถูกต้องตามกฏหมายอยู่ก็ตาม
ทางทนายความกล่าวว่า Mr. Jason ยังไม่ได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางผู้ปล่อยเช่าตามกฏหมาย ซึ่งนี่อาจถือเป็นการผิดสัญญาและทำให้ผู้เสียหายเสียรายได้อีกด้วยอีกด้วย
นอกจากนี้ Mr. Jason ยังเล่าว่าธุรกิจร้านสะดวกซื้อในซอยเจ็ดเมืองพัทยาของเขาก็ได้รับผลกระทบไปด้วยแม้ว่าผู้เซ็นสัญญาจะเป็นคนละคนกันก็ตาม โดยทางอดีตเพื่อนที่ถูกไล่ออกได้เข้ามาข่มขู่พนักงานที่ร้านของเขาตามคำกล่าวอ้างพร้อมหลักฐานจาก Mr. Jason
เจ้าของบาร์ชาวอังกฤษและทนายความเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองพัทยาบ่อยครั้งและกำลังเขียนคำร้องให้ทางเจ้าหน้าที่ โดย Mr. Jason กล่าวกับเดอะพัทยานิวส์ว่า เขาอยากให้ผู้คนแชร์เรื่องราวของเขาออกไปเพื่อเป็นบทเรียนให้กับผู้ประกอบธุรกิจท่านอื่น ๆ และหวังว่าทางตำรวจและผู้มีอำนาจจะเข้ามาช่วยเหลือ
ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีข้อชี้แจงใด ๆ จากผู้ถูกกล่าวหา โดยผู้ถูกกล่าวหาล่าสุดได้ปฏิเสธที่จะคุยกับทางทนายของ Mr. Jason
ทนายจาก อีสาน ลอว์เยอร์ และ Mr. Jason ทิ้งท้ายว่าพวกเขาจะดำเนินการทางกฏหมายให้ถึงที่สุด แต่ก็หวังว่าทางผู้ถูกกล่าวหาจะเข้ามาเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาทที่ยืดเยื้อนี้อย่างสุภาพชน
