จากกรณีนายสมยศ หรือเสี่ยยศ ปั้นประสงค์ อายุ 55 ปี ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ในข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย สาหัส และ ร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย ภายหลังตำรวจพบความเชื่อมโยงด้านการเงินให้นายพงศ์ศิริ ปั้นประสงค์ หรือ “เสี่ยบี” บุตรชาย ในการเปิดผับ เม้าท์เท่น บี จนเป็นที่มาของการออกหมายจับ โดยเจ้าตัวย่องเข้ามอบตัว พร้อมให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อ้างไม่ใช่เจ้าของตัวจริง ส่วนเงินที่ลงทุนเป็นเงินของลูก ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทางเจ้าหน้าที่จึงเร่งส่งสำนวนส่งตัวมาฝากขังที่ศาลจังหวัดพัทยาในผลัดแรก ขณะที่ทีมทนายความส่วนตัวและญาติผู้ต้องหา หอบเงินมาทำเรื่องขอประกันตัวในชั้นศาล
ขณะที่นายรณรงค์ แก้วเพชร ทนายความของกลุ่มผู้เสียหาย และในฐานะประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาญาติผู้เสียชีวิตและคนเจ็บ 16 ชีวิต ยื่นหนังสือคัดค้านการประกันตัว ด้วยเกรงว่าจะไปยุ่งเกี่ยวกับหลักฐานและพยานได้
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.30 น. ของวันที่ 17 ส.ค.65 ทนายฝ่ายผู้ต้องหาได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว โดยระบุค่าประกันไว้จำนวน 1,000,000 บาท พร้อมทั้งติดกำไล EM โดยกำหนดเงื่อนไขไว้ 1. ห้ามยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือก่อเหตุร้ายประการอื่น 2. ให้ผู้ต้องหามารายงานตัวเมื่อครบฝากขังครั้งที่ 2 ครั้งที่ 4 และครั้งที่ 7
ขณะเดียวกัน ญาติคนเจ็บ และผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ เม้าท์เท่น บี ที่เดินทางมาร่วมคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาล โดยญาติรายหนึ่งเปิดเผยว่า ระหว่างรอคำสั่งศาลการให้ประกันตัวเสี่ยยศ ได้มีโทรศัพท์จากตัวแทนของร้าน โทรมาขอเจรจาค่าเยียวยา ซึ่งทางญาติบอกตัวเลขที่ต้องการไปบ้างแล้ว แต่อยู่ที่การพิจารณาของเจ้าของ โดย 1 ในญาติของผู้เสียชีวิต ได้เรียกร้องการเยียวยาการเสียชีวิตของลูกชายไว้สูงถึง 6 ล้านบาท
มีรายงานเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาทางร้านได้มอบเงินเยียวยาให้เหยื่อไปแล้วในส่วนของผู้เสียชีวิต 18 รายๆ ละ 50,000 บาท และเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 รายคือ “น้องไอซ์” น.ส.อาทิตยา อินศิริ เป็นรายที่ 19 อีก 80,000 บาท ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บได้ให้การช่วยเหลือบางส่วน รวมเป็นเงินแล้วกว่า 1,583,000 บาท
ทั้งนี้ เวลา 17.30 น. เสี่ยยศ หรือนายสมยศ ปั้นประสงค์ ได้เดินออกจากศาลทางด้านหลัง ก่อนขึ้นรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีขาว ทันที ส่วนทางญาติที่มารอนั้นได้ขึ้นรถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ดสีดำ ก่อนทยอยเดินทางออกจากศาลจังหวัดพัทยา โดยไม่มีการแวะพูดคุยกับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
Advertisement