เมืองพัทยารุดตรวจสอบจุดเพิงพักคนเร่ร่อนใต้สะพานทางด่วนมอเตอร์เวย์ พร้อมประสาน พม.และตำรวจ ร่วมแก้ไขด่วน

         (6 ธ.ค.65) เมื่อเวลา 10.00 น. นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา พร้อมผู้ช่วยเลขานุการนายกเมืองพัทยา ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเพิงพักคนเร่ร่อนที่บริเวณใต้สะพานทางด่วนมอเตอร์เวย์ สาย 7 โดยมีเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดชลบุรี กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พม.) และเจ้าหน้าที่สำนักสวัสดิการสังคมเมืองพัทยา ร่วมตรวจสอบ
          นายวุฒิศักดิ์ รองนายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากมีการร้องเรียนหลายครั้ง ว่าบริเวณนี้มีพวกคนเร่ร่อนมาปักหลักพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการลงมาตรวจสอบพบว่ามี 3-4 หลัง บางหลังแทบจะเป็นการตั้งรกรากอยู่อาศัยเลยทีเดียว จึงต้องมีการจัดระเบียบเพื่อไม่ให้มีการขยับขยายพากันมาพักอาศัยอยู่มากขึ้น วันนี้จึงลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูว่าจะมีแนวทางดูแลแก้ไขบุคคลเร่ร่อนตรงจุดนี้ได้อย่างไรบ้าง ซึ่งจะมีอยู่ 1 ครอบครัวที่น่าเป็นห่วง คือมีพ่อและลูกสาว 2 คน อายุ 14 ปี และ 4 ปี อาศัยอยู่ในเต็นท์เดียวกันตรงนี้ ซึ่งมองว่าอันตรายมาก น่าเป็นห่วงกังวล ทั้งนี้สิ่งแรกที่เมืองพัทยาต้องดำเนินการคือต้องรื้อข้าวของตรงนี้ออกไปให้หมด โดยเฉพาะเต็นท์ที่มีพ่อกับลูกสาวนั้นยังพบว่ามีรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่มีราคาสูง จำนวน 1 คัน ซึ่งจะต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบด้วยว่าเจ้าของเต็นท์นี้เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันนี้ด้วยหรือไม่ พร้อมทั้งประสานให้แม่ของเด็กมารับตัวลูกสาวทั้งสองคนไปอยู่ในความดูแล ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดชลบุรี กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พม.) และเจ้าหน้าที่สำนักสวัสดิการสังคม จะไปเยี่ยมเยียน ติดตามการดูแลของแม่และเด็กอย่างต่อเนื่อง ส่วนบุคคลเร่ร่อนรายอื่นๆ จะติดตามตัวมาจัดทำประวัติ และส่งตัวไปยังศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของศูนย์ฯ ต่อไป
        รองนายกเมืองพัทยากล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อนของเมืองพัทยานั้น ด้วยการเป็นเมืองท่องเที่ยว ในเรื่องของคนเร่ร่อนจำต้องมีอยู่แล้ว แต่ติดอยู่ที่กฎหมายสิทธิมนุษยชน ทำให้เมืองพัทยายังไม่สามารถเข้าไปดำเนินการจับกุม หรือนำตัวบุคคลาเหล่านี้ไปที่อื่นได้ นอกจากจะเป็นการประสานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดชลบุรี กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และตำรวจ ฯลฯ มาดูแลในส่วนนี้ โดยการนำบุคคลเหล่านี้ไปสอบประวัติ และไปฝึกอาชีพ เป็นต้น แต่สุดท้ายแล้วคนเหล่านี้ก็จะไม่ค่อยชอบวิธีแก้ปัญหานั้น ก็จะกลับมาอีก มาใช้ชีวิตแบบเดิมๆ วนเวียนอยู่แบบนี้ ซึ่งเมืองพัทยาเองไม่ได้นิ่งนอนใจ ก็ได้มีการปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งจะมีการแถลงข่าวในเรื่องนี้ว่าเมืองพัทยามีมาตรการที่จะดำเนินการอย่างไรบ้าง เนื่องจากไม่อยากให้มองว่าเมืองพัทยาไม่ดำเนินการใดๆ แต่ความจริงแล้วด้วยตัวบทกฎหมายบางอย่างเมืองพัทยาไม่สามารถที่จะเข้าไปควบคุมตรงนี้ได้ จึงจำเป็นต้องอาศัยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไขอย่างจริงจัง
          ที่ผ่านมาเมืองพัทยาโดยสำนักสวัสดิการสังคมก็ได้ร่วมมือกับ พม. และตำรวจมาโดยตลอด แต่ปัญหาเหล่านี้ก็ยังไม่หมดไป ซึ่งมองว่าเราต้องแก้ไขปัญหาเรื่องความยากจนในภาพรวมของประชาชนด้วย ปัญหานี้จึงจะเบาบางลง..

Subscribe
Advertisement