หนุ่มเมาหนัก ซิ่งเก๋งชนแท็กซี่ ฉุนจัด โดดต่อยโชเฟอร์ยับ

        เมื่อเวลา 04.00 น.วันที่ 17 สิงหาคม 2565 พ.ต.ต.สายใจ คำจุนลา สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุรถยนต์เก๋งเฉี่ยวชนกัน แล้วลงมาทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบนถนนสุขุมวิท ฝั่งขาเข้าชลบุรี ช่วงสี่แยกไฟสัญญาณจราจร พัทยากลาง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยารีบไปตรวจสอบ

         ที่เกิดเหตุบริเวณสี่แยกพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีขาว หมายเลขทะเบียน ขท 9633 ระยอง มีนายอภิสิทธิ์ เฉลี่ยวฉลาด อายุ 24 ปี เป็นคนขับ ด้านหน้ารถได้รับความเสียหายยับเยิน หลังชนเข้ากับรถแท็กซี่มิเตอร์ สีเขียวเหลือง หมายเลขทะเบียน มฎ 6812 กรุงเทพมหานคร มีนายสุทธิพงษ์ พุทธานุรักษ์ อายุ 67 ปี เป็นโชว์เฟอร์ ได้รับความเสียหายด้านข้างตัวรถฝั่งซ้าย ส่วนคนขับได้รับบาดเจ็บ โดยคนขับรถยนต์เก๋งสีขาว ลงมาชกต่อยหลายหมัด เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนเคลื่อนย้ายส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ยังมีผู้โดยสาร เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย อยู่ในอาการตื่นตระหนกตกใจ

           สอบถามนายสุทธิพงษ์ โชว์เฟอร์แท็กซี่ ทราบว่าตนเองขับรับผู้โดยสารมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ กำลังเลี้ยวเข้าถนนพัทยากลาง ตนเองมั่นใจว่าเป็นไฟสีเขียว ขณะนั้นรถยนต์เก๋งคู่กรณีขับมาด้วยความเร็วชนเข้าอย่างจัง จนรถเสียหลักหมุนเขว้งขวางถนน เมื่อลงจากรถได้ฝ่ายคู่กรณีไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินปรี่เข้าชกใส่ที่ใบหน้า และเบ้าตาหลายครั้ง ท่ามกลางความตกใจกลัวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ด้วยความที่ตนเองอายุมากแล้ว จึงไม่ทันที่จะต่อสู้แต่อย่างใด ทำให้ได้รับบาดเจ็บ โชคดีที่มีประชาชนเข้ามาห้ามปราม ขณะที่คู่กรณีนายอภิสิทธิ์ ก็ประกาศยอมรับว่าเป็นคนต่อยโชว์เฟอร์แท็กซี่จริง โดยอ้างว่าแท็กซี่ฝ่าสัญญาณไฟมา ใครจะรับผิดชอบ หากตนเอง ลูกและภรรยาได้รับบาดเจ็บ รวมถึงรถก็ได้รับความเสียหายด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าระงับเหตุพร้อมเชิญตัวมายังสภ.เมืองพัทยา

         เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งยอมรับว่าตนเองวัดขึ้นมากกว่าร้อย มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ พยายามวอนขอให้ช่วยเหลือหน่อย แต่ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันดำเนินคดี อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อสรุปสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ เพื่อความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายต่อไป