ฝายส่งเสริมสวัสดิการสังคม สำนักพัฒนาสังคมเมืองพัทยา เตรียมประสานอำเภอบางละมุง ตร.สภ.พัทยา ลงพื้นที่จับกุมคนไร้ที่พึ่งส่งศูนย์คุ้มครองการไร้ที่พึ่งจังหวัดชลบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมาก หวั่นการแพร่ระบาดเชื้อโควิด – 19

           (14 เมษายน 2563) จากรณีที่มีประชาชนได้ร้องเรียนผ่านสื่อ เรื่องของการที่บุคคนไร้ที่พึ่ง หรือคนเร่ร่อน ได้ย้ายสถานที่หลับนอนจากที่บริเวณชายหาดพัทยา มาหลับนอนที่บริเวณหน้าร้านต่างๆ หลังจากทีทางคณะกรรมการป้องกันควบคุมโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี โดยมีนายนภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธาน ได้ทำการสั่งปิดชายหาดในพื้นที่จังหวัดชลบุรีทั้งหมด ซึ่งคนเร่ร่อนจรจัดในพื้นที่พัทยา ได้อาศัยพื้นที่บริเวณชายหาดเป็นพื้นที่หลับนอน หลังจากจังหวัดชลบุรีออกประกาศออกมาแบบนั้นก็พบว่า เจ้าหน้าที่เทศกิจก็ต้องไปดำเนินการเคลียร์ตนเร่ร่อนออกจากพ้นที่ชายหาด ทำให้คนเร่ร่อนทั้งหมดไปยึดพื้นที่บริเวณหน้าโรงแรม หน้าร้านสะดวกซื้อต่างๆ ที่ปิดกิจการ หลับนอน สร้างความหวาดกลัวและหวาดวิตกกับผู้ที่พบเห็น รวมถึงประชาชนในละแวกใกล้เคียงเป็นอย่างมาก เนื่องจากกลุ่มคนเร่ร่อนเหล่านี้ไม่ใส่หน้ากากอนามัยแม้สักราย
           นายชรินทร์ พ่วงสกุลสุข นักพัฒนาชุมชนชำนาญการ รักษาการหัวหน้าฝ่ายส่งเสริมสวัสดิการสังคม เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเมืองพัทยา โดยสำนักพัฒนาสังคมก็ได้ดำเนินการจับกุมคนไร้ที่พึ่ง หรือคนเร่ร่อนมาโดยตลอด ซึ่งมาในครั้งนี้ก็พบว่าได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปเพื่อทำการจับกุม แต่กลับไม่พบเห็นว่ามีกลุ่มคนเร่ร่อนในพื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งอาจจะเป็นเพราะช่วงเวลาที่ไปยังไม่มีคนเร่ร่อนมาหลับนอนก็ได้ ซึ่งในช่วงนี้การดำเนินการจับกุมกลุ่มคนเร่ร่อน พบว่ามีปัญหาหลายด้าน ทั้งในเรื่องของระยะเวลา ที่ปัจจุบันต้องทำงานแข่งกับ พรก.ฉุกเฉิน ที่ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานหลัง 22.00 น. ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่คนเร่ร่อนยังไม่กลับมานอน ทำให้ไม่สามารถจับกุมคนเร่ร่อนได้ ซึ่งที่ผ่านมาทางสำนักพัฒนาสังคมเมืองพัทยาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ลงพื้นที่ดำเนินการจับกุมคนเร่ร่อนมาโดยตลอดหากพบว่าได้รับการแจ้งมา อีกทั้งในช่วงนี้เจ้าหน้าที่ก็ต้องทำงานกันอย่างระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ซึ่งคนเร่ร่อนก็เป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงมากเช่นเดียวกัน เจ้าหน้าที่ต้องทำงานและวางแผนอย่างรัดกุม โดยหากจับกุมคนเร่ร่อนได้ ก็จะต้องนำไปตรวจสุขภาพก่อนว่าเป็นที่อันตรายใดๆ หรือไม่ อาทิ ไวรัสโควิด-19, โรคเอดส์ หรือโรควัณโรค เป็นต้น ซึ่งหากพบว่ามีอาการป่วยด้วยโรคดังกล่าว ทางสำนักพัฒนาสังคมต้องส่งตัวเข้าทำการรักษายังสถานพยาบาลตามลำดับ
           นอกจากนี้ในการดำเนินการลงพื้นที่ ต้องปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อความปลอดภัย อาทิ เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.พัทยา, เจ้าหน้าที่เทศกิจเมืองพัทยา, เจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองการไร้พึ่งจังหวัดชลบุรี เป็นต้น ซึ่งเมืองพัทยาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในการทำงาน เพียงแต่ตอนนี้ต้องประสานกับทางอำเภอบางละมุงเพื่อขอความชัดเจนว่าหลัง 22.00 น. เจ้าหน้าที่จะสามารถปฏิบัติงานได้หรือไม่อย่างไร เป็นต้น

Subscribe
Advertisement