มิจฉาชีพอาละวาด ตระเวนหลอกขายสินค้าราคาถูก แม่ค้าสูญเงินหลายราย

        เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 6กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มแม่ค้าในพื้นที่หมู่ 3- 4 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ว่าถูกมิจฉาชีพมาหลอกสั่งอาหาร และหลอกจำหน่ายสินค้าราคาถูก ก่อนจะเชิดเงินไป โดยมีผู้เสียหายหลายราย จึงอยากมาเปิดเผยเพื่อเตือนภัย รวมถึงเป็นอุทาหรณ์ ให้กับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้ด้วย
        โดย น.ส.สำเนียง ล่ามคำ อายุ 42 ปี แม่ค้าส้มตำริมถนนโป่ง เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค.66 คนร้ายเป็นผู้หญิงรูปร่างสันทัด แต่งตัวดี ทำทีมาสั่งส้มตำ แล้วชักชวนคุยตีสนิท เมื่อสบโอกาสจึงพูดเสนอว่ารู้จักแหล่งซื้อสิ้นค้า เป็นเนื้อวัวเกรดดีราคาถูก เพียงกิโลกรัมละ 150 บาท ตนเองเห็นว่าถูกกว่ากันถึงกิโลกรัมละ 100 บาท จึงสั่งไป 4 กิโลกรัม คิดเป็นเงิน 600 บาท แต่คนร้ายกลับตอบกลับว่า หากจะสั่งต้องจ่ายเงินสดแล้วจะไปเอาของมาได้ ตนเองหลงเชื่อจึงยอมจ่ายเงินให้ไป หลังได้เงินคนร้ายก็รีบออกจากร้านไป โดยไม่ได้เอาอาหารที่สั่งไว้ไปด้วย
         รายที่สอง น.ส.ยาใจ สิงโตทอง อายุ 54 ปี แม่ค้าน้ำแข็งใส ใกล้หอพักพนักงาน พื้นที่ ม.4 ต.โป่ง เปิดเผยว่าตนเองก็เกิดเหตุลักษณะเดียวกันกับรายแรก คือผู้ก่อเหตุเป็นผู้หญิงแต่งตัวดี อายุประมาณ 35-40 ปี ทำทีมาสั่ง ส้มตำและน้ำแข็งใส แล้วทำทีชักชวนคุย จนตนเองตายใจ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่ามีกุ้งขาย ในกิโลกรัมละ 100 บาท ซึ่งถูกกว่าท้องตลาดมาก จึงตัดสินสั่งซื้อไป ตอนแรกจะเอาเพียง 1 กิโลกรัม แต่ผู้ก่อเหตุก็เสนอว่ามี 3.4 กิโลกรัม หากเอาหมดเลยจะคิด 300 บาทเท่านั้น แต่ต้องจ่ายเงินก่อนแล้วจะไปเอาของมาให้ หลังจากจ่ายเงินไปแล้ว ผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้ย้อนกลับมาอีกเลย ทั้งยังทิ้งของที่สั่งไว้อีกด้วย
         รายที่ 3 น.ส.สายบัว คำภาชีพ อายุ 52 ปี แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวใกล้กับรายที่สอง เล่าว่าเมื่อเดือนก่อนตนเองก็ตกเป็นเหยื่อเช่นกัน โดยคนร้ายมักจะเลือกเหยื่อที่อยู่คนเดียว ของตนเองนั้นทำทีมาสั่งของ ชักชวนคุยตีสนิทเช่นเดียวกัน แล้วหลอกขายสินค้า เป็นน้ำมันพืชจำนวน 2 ลัง เป็นเงิน 800 บาท ตนเองเห็นว่าถูก จึงตัดสินใจจ่ายเงินไปก่อน แต่แล้วคนร้ายก็ไม่กลับมาอีกเลย
         ด้าน น.ส.พยอม ทำประโยชน์ อายุ 54 ปี แม่ค้าอาหารตามสั่ง เล่าว่ามีผู้หญิงแต่งตัวดีมาสั่งข้าว ซึ่งคนร้ายนั้นพยายามเสนอขายหมู ที่จะนำมาทำหมูกรอบ ในราคากิโลกรัมละ 150 บาท ตนเองเห็นว่าถูกจึงตัดสินใจสั่งไป 4 กิโลกรัม เป็นเงิน 600 บาท คนร้ายก็บอกเดียวจะไปเอาของมาให้และจะกลับมาจ่ายค่าข้าว แต่รอแล้วรออีกก็ไม่มีใครย้อนกลับมา จึงมั่นใจว่าตนเองตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพไปเสียแล้ว
         อย่างไรก็ตามผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อทั้งหมดคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก จึงไม่ได้แจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะไม่คิดว่าจะมีผู้เสียหายมากขนาดนี้ จึงอยากฝากเตือนทุกคนว่าอย่าหลงเชื่อ หากมีใครนำของราคาที่ถูกเกินจริงมาขายแล้วขอเก็บเงินก่อน ให้สันนิษฐานว่าอาจจะโดนหลอกลวง เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ รวมถึงฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ดูแลพื้นที่ ช่วยสอดส่องดูแล เพื่อความปลอดภัยของประชาชนด้วย

 

Subscribe
Advertisement