ส่วยผับพัทยาแชร์ว่อนเน็ต! ประธาน กต.ตร.พัทยา ออกโรงลั่นไม่เป็นความจริง ด้านผู้ประกอบยันไม่เคยจ่ายส่วย

           จากกรณีที่มีการจับกุมสถานบันเทิงเมืองพัทยาและเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์สนั่นอีกครั้ง เมื่อมีการแชร์ภาพบนโลกโซเชียล ซึ่งเป็นภาพถ่ายลักษณะแผ่นกระดาษเอ 4 ที่มีการเขียนด้วยลายมือ ระบุรายชื่อสถานบริการประเภทผับดังๆ หลายแห่งในเมืองพัทยา พร้อมกับมีตัวเลขคล้ายกับยอดเงินตามท้ายชื่อของแต่ละร้าน ระบุจำนวนเงิน 30,000 บาท บางร้านมียอด 15,000 บาท ต่ำสุดคือ 9,000 บาท โดยมีการลงคู่กับภาพถ่าย ซึ่งมีบุคคลที่ปรากฏในภาพคือ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กำลังนั่งประทานอาหาร กับกลุ่มบุคคลสวมใส่เสื้อชุด กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา ส่วนข้อความของภาพ ระบุ “พัทยาเก็บส่วยแบบนี้ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน จะว่ายังไง”
          ล่าสุดเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 24 ต.ค. 65 นางอำพร แก้วแสง ประธาน กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา พร้อมกับนายชัยรันต์ รักทอง รองประธาน กต.ตร.สภ เมืองพัทยา เปิดโต๊ะแถลงข่าวข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ โดยยอมรับว่าบุคคลที่ปรากฏในภาพ คือกลุ่มของคณะทำงาน กต.ตร.สภ.เมืองพัทยาจริง โดยในวันนั้น ได้มีการจัดกิจกรรมประชุมคณะ กต.ตร.สัญจร โดยได้เชิญ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งเพิ่งจะมารับตำแหน่งใหม่ พร้อมด้วยผู้ประกอบการในเมืองพัทยา มาประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิด และแนวทางการปฏิบัติ นอกจากนี้ยังได้เชิญผู้ประกอบการ มาร่วมประชุมด้วย โดยหลักๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับฟังแนวทางการปฏิบัตินโยบายของตำรวจ และปรับความเข้าใจอะไรหลายๆ เรื่อง ที่สถานประกอบการควรปฏิบัติให้เป็นไปตามความถูกต้องและชอบธรรมของกฎหมาย แต่พอมีภาพดังกล่าวหลุดออกไปและมีการสื่อไปในทิศทางที่ไม่ใช่ความจริง จึงทำให้รู้สึกไม่สบายใจ โดยขอยืนยันว่าภาพที่หลุดไป เป็นภาพการประชุมคณะ กต.ตร.สภ.เมืองพัทยาสัญจรเท่านั้น สำหรับที่มีการเสนอภาพดังกล่าวนั้นมีการสื่อในทิศทางที่ผิดจากข้อเท็จจริง ซึ่งเรื่องดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพูดคุย เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มที่นำภาพไปเผยแพร่ จนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงอีกด้วย
         นางลิซา แฮมิลตัน ประธานชมรมผู้ประกอบการกลางคืนเมืองพัทยา และ ประธานผู้ประกอบการจอมเทียน-พัทยา ได้กล่าวตัดพ้อกับผู้สื่อข่าวว่า ในปัจจุบันเมืองพัทยากลับมาตกเป็นข่าวในด้านไม่ดีอีกครั้ง ทำให้รู้สึกตกใจ ที่ผ่านมากลุ่มผู้ประกอบการเมืองพัทยา พยายามช่วยพัฒนาด้านการท่องเที่ยวให้ดีขึ้น อีกทั้งในปัจจุบันนักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้ามาจำนวนมาก ผู้ประกอบการกำลังตื่นเต้นกับการทำมาหากิน แต่ก็ต้องมาประสบเหตุการณ์ตามข่าว ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เนื่องจากตำรวจต้องกลับมาเข้มงวดขึ้นไปอีก แทนที่จะได้รับการผ่อนปรน แต่ต้องกลับเดือดร้อนกันอีกครั้ง
         ด้านนางสาวสุพัตรา ชลพล อายุ 31 ปี และนายพิชัย เปลี่ยนผล อายุ 31 ปี สองเจ้าของสถานบริการ ที่มีรายชื่อปรากฎอยู่ในโพย ที่ถูกอ้างว่าเป็นรายชื่อจ่ายส่วยสถานบริการให้กับเจ้าหน้าที่ โดยทั้ง 2 คนได้พูดและยืนยันตรงกันว่าไม่มีการจ่ายส่วยกับเจ้าหน้าที่อย่างแน่นอน ถึงให้จ่ายก็คงจ่ายไม่ไหว เนื่องจากเป็นยอดที่สูง ทางร้านคงจ่ายไม่ไหว โดยในปัจจุบันทางร้านพยายามเข้มงวด ตามที่นโยบายตำรวจ ห้ามมีเรื่องเด็ก ยาเสพติด และอาวุธปืน จนกระทั่งมาเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในปัจจุบัน และยอมรับว่า สถานบริการในเมืองพัทยาซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
          ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตุสำหรับโพยส่วยดังกล่าว ว่ามีจริงหรือไม่ เนื่องจากรายชื่อมีบางร้านมีการปิดตัวไปแล้วก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 บางร้านถูกไฟไหม้ ปิดตัวไปแล้ว ก็ยังพบว่ามีรายชื่ออยู่ในโพย แม้แต่ ร้านโบนผับ ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น คลับวัน ผับฉาว ที่ปรากฏเป็นข่าว ยังมีรายชื่อจ่ายส่วย

Subscribe
Advertisement