ผู้บริหารผับ คลับวัน พัทยา แจง พูดเพราะเมา หลังเป็นกระแสเคลียร์ผู้ใหญ่

          จากกรณีเมื่อกลางดึกวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ป้องกันจังหวัดชลบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบภาคสอง เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจังหวัดชลบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา บุกเข้าจับกุมผับ คลับวัน พัทยา แต่เกิดมีผู้ชายโวยวายอ้างได้เคลียร์จ่ายเงินกับหน่วยงาน รวมถึงผู้ใหญ่ไปแล้ว ก่อนที่กลุ่มนักเที่ยว จะกรูผลักเจ้าหน้าที่เพื่อเลี่ยงการตรวจปัสสาวะออกจากตัวผับไป ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้ว
            ล่าสุดวันที่ 23 ตุลาคม 2565 ได้มีหนังสือชี้แจงจากผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ระบุข้อความว่า การดำเนินการจับกุมสถานประกอบการดังกล่าวได้มีกำลัง จนท.ในการปฏิบัติหน้าที่ ได้แก่ นปพ.บก.สส.ภ.2 จำนวน 10 นาย มี สว.กก.ปพ.บก.สส.ภ.2 เป็นผู้ควบคุม กำลัง นปพ.กก.สส.ภ.จว.ชลบุรี 10 นาย ฝ.ปค. 27 นาย มีป้องกันจังหวัดชลบุรี เป็นหน.ควบคุม กำลัง สภ.เมืองพัทยา จำนวน 15 นาย มีรอง ผกก.ป.สภ.เมืองพัทยา ควบคุมการปฏิบัติ ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวของ จนท.ได้ปรากฏข้อมูล ข่าวสารตามสื่อโซเชียลมีเดีย โดยมีบุคคลได้กล่าวในคลิปภาพและเสียงว่า “ผู้ใหญ่ผมดูแลแล้ว ผมจ่ายก่อนใครเลย ดูแลในช่องผู้ว่าด้วย โต๊ะกินข้าวด้วยกัน ผมนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกัน ผู้ว่าด้วย” ในการนี้ จ.ชบ.ขอเรียนให้ทราบว่า ผวจ.ชบ. ไม่เคยรู้จักกับบุคคลดังกล่าวมาก่อนแต่อย่างใด และปัจจุบัน จ.ชบ.อยู่ระหว่างตรวจสอบคลิปข้อมูลดังกล่าว หรือคลิปข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องว่าเข้าข่ายกระทำผิดตามกฎหมายหรือไม่ และหากพบว่ามีความผิดตามกฎหมาย จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป และตามที่ได้มีการเข้าดำเนินคดีกับสถานประกอบการ ชื่อ “ร้านคลับวัน กรณี จนท.ฝ.ปค. และ จนท.ตร. ได้ร่วมกันตรวจสอบสถานประกอบการ “คลับวัน” แล้วปรากฏตามสื่อว่ามีนักท่องเที่ยวผู้ใช้บริการทะลัก จนไม่สามารถควบคุมได้เนื่องจาก บริเวณสถานประกอบการดังกล่าวมีประตูทางเข้า-ออกหลายทาง ประกอบกับนักท่องเที่ยวผู้ใช้บริการมีจำนวนมาก ซึ่งระหว่างที่เข้าตรวจสอบ กลุ่มนักท่องเที่ยวผู้ใช้บริการส่วนใหญ่มีอาการมึนเมาได้ไปรวมตัวและดันเจ้าหน้าที่ออกทางด้านหน้าเป็นจำนวนมาก จนไม่สามารถกันได้ ซึ่งเกรงว่าหากใช้ความรุนแรงในการปิดกั้นและควบคุมจะเกิดการกระทบกระทั่งกับนักท่องเที่ยว
และบางส่วนอาจได้รับบาดเจ็บ หรือเกิดเหตุกรณีบานปลายขึ้น ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อหน่วยงานราชการและพื้นที่เมืองท่องเที่ยวได้ นอกจากนี้สำหรับกรณีได้ปรากฏข้อมูลข่าวสารตามสื่อโซเชียลมีเดียว่า จ.ชบ.ได้มีการผ่อนผัน ให้ผู้ประกอบการในพื้นที่พัทยา สามารถเปิดบริการหรือประกอบการได้เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนดนั้น จ.ชบ.ขอเรียนว่า มิได้มีนโยบายดังกล่าวแต่อย่างใดและได้มีการกวดขันจับกุมดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด อย่างเคร่งครัดตลอดมา
            ส่วนนายนิติพัฒน์ โชคชัยธนพร ผู้บริหารร้านคลับวัน พัทยา และนายแบ๊งค์ วรรณสีทอง ที่ปรึกษาร้านคลับวัน พัทยา ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของเมื่อคืนที่ผ่านมา ว่าขณะที่กำลังปิดร้านเช็คบิลอยู่นั้น ได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจค้น จึงเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ โดยมีการพูดถึงผู้ใหญ่ จริงแล้วตนเองไม่เคยพูดคุยหรือรู้จักกับผู้ใหญ่มาก่อนเลย แต่ที่ได้มีการแอบอ้างชื่อผู้ใหญ่ขึ้นนั้น เนื่องจากมีอาการเมา รวมถึงกลัวว่าร้านจะถูกจับกุม ซึ่งตนก็อยากขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาทางร้านก็ได้ทำตามระเบียบตามนโยบายทุกอย่างในเรื่องยาเสพติด อาวุธปืน เยาวชน แต่ที่พบยาเสพติดในร้านนั้น เนื่องจากมันเกินความควบคุมจริงๆ
           ทางผู้บริหารกล่าวต่อว่าอยากจะขอโทษทางผู้ใหญ่ ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีและผู้การจังหวัดชลบุรี กับคำพูดเนื่องจากมีการดื่มจนเมา จึงมีการพูดจาไม่เหมาะสม ก็อยากขอโทษจากคำพูดที่แอบอ้างไปโดยผู้ใหญ่ไม่ได้รู้เรื่อง ซึ่งหลังจากนี้คงต้องไปขอโทษกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดด้วยตนเอง ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมยืนยันว่าไม่เคยเจอกับผู้ใหญ่ที่กล่าวอ้างไปแต่อย่างใด
           ส่วนด้านการดำเนินคดีหลังการจับกุมนั้น ได้ควบคุมคนดูแล แจ้ง 4 ข้อหาหนัก 1. จำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต 2. จำหน่ายสุราเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด 3. เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต 4. ยินยอมหรือปล่อยประละเลยให้มีการพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด หรือยาเสพติดเข้าไปสถานที่ของตน ส่งตัวให้ สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมาย
Subscribe
Advertisement