สาวใหญ่ร้อง! วอนหน่วยงานต้นสังกัด ตรวจสอบจริยธรรมสาวนักการเมืองท้องถิ่นเมืองพัทยา ทำชีวีตพัง ถูกตามยึดรถเบนซ์ และบ้านถูกยึด

        (31 สิงหาคม 2566) นางดา (นามสมมุติ) อายุ 54 ปี ได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน ขอให้หน่วยงานต้นสังกัด ตรวจสอบด้านจริยธรรมสาวนักการเมืองท้องถิ่นเมืองพัทยารายหนึ่ง หลังมีพฤติกรรมตามยึดรถเบนซ์ และทำให้เกิดคดีความจนบ้านพักอาศัยในปัจจุบันถูกกรมบังคับคดียึดทรัพย์ขายเข้าทอดตลาด
         นางดา เล่าว่า ประมาณต้นเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2559 นางสาวพลอย (นามสมมุติ) ปัจจุบัน อายุ 26 ปี หลานสาวแท้ๆ ได้รู้จักกับชายชาวจีนคนหนึ่ง และได้ติดต่อคุยกันเรื่อยมาจนกระทั่งได้ตกลงคบหากัน และมีบุตรด้วยกัน 1 คน และต่อมาหลานสาวได้เช่าคอนโดอยู่ด้วยกันกับชาวจีนรายนี้ ที่แอควาคอนโด จอมเทียน ค่าเช่าเดือนละ 18,000 บาท และชายชาวจีนคนดังกล่าวตกลงจะให้ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรเดือนละประมาณ 20,000 – 30,000 บาท โดยไม่ทราบว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว ซึ่งตอนแรกที่คบหากัน บอกว่าโสด เพิ่งเลิกกับภรรยา

          ต่อมาช่วงต้นเดือนมกราคม 2563 หลานและสามีชาวจีนได้มีการปรึกษากันในการที่จะซื้อรถยนต์เพื่อความสะดวกในการเดินทางเนื่องจากมีบุตร ชายชาวจีนก็ตกลง โดยเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 หลานสาวได้ไปซื้อรถยนต์ยี่ห้อ เมอร์เซเดส เบนซ์ รุ่น อี350อี ทะเบียนเลขที่ 8กน333 1 กรุงเทพฯ ราคา 2,800,000 บาท โดยซื้อขายในนามของหลานสาว โดยชำระเงินดาวน์ 7 แสนบาท และชายชาวจีนได้ช่วยออกเงินให้หลานสาวจำนวน 370,000 บาท ส่วนที่เหลือเป็นเงินของหลานสาวเองที่เก็บสะสมไว้ ซึ่งผ่อนชำระงวดละ 36,770 บาท และหลานสาวก็เป็นผู้ใช้รถแต่เพียงผู้เดียว
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2563 ชายชาวจีนพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอ้างว่าเป็นสามีภรรยากัน ซึ่งปัจจุบันนี้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเมืองพัทยาพร้อมกับพวกทั้งหมด 4 คน ได้บุกมาที่คอนโดที่หลานสาวพักอยู่ ซึ่งขณะนั้นเวลาประมาณ 09.00 น. และหลานสาวได้อยู่ที่ห้องพักคนเดียว ผู้หญิงซึ่งอ้างว่าเป็นกรรยานั้น ได้พูดจาข่มขู่ต่างๆนานา ทำให้หลานสาวตนเกิดความหวาดกลัว และได้หยิบเอากุญแจรถยนต์ของหลานสาวไปด้วย โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ยินยอม
          ต่อมา เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2563 ตนกับหลานสาว ได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองพัทยา ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์กับผู้หญิงคนดังกล่าว กับพวก พนักงานสอบสวนมีคำสั่งฟ้อง แต่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องในคดีดังกล่าวโดยให้เหตุผลว่า “รถคันดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันของผู้กล่าวหาและผู้ต้องหา ต่างย่อมมีสิทธิ์ครอบครอง และใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินดังกล่าว โดยลักษณะของตัวทรัพย์ไม่อาจแบ่งเเยกตัวทรัพย์ออก หรือกำหนดการครอบครองและใช้ประโยชน์เฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งได้ การกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 4 จึงไม่เป็นการลักทรัพย์ตามข้อกล่าวหา คดีมีพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง”
         จากนั้นเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2565 ตนกับหลานสาวได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดพัทยาในคดีหมายเลขคำที่ อ.827/65 ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ ต่อมาศาลได้มีคำสั่งคดีมีมูล เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 และนัดสืบพยานโจทก์ จำเลย ในวันที่ 27,28,29 กุมภาพันธ์ 2567 การกระทำของผู้หญิงคนดังกล่าวกับพวก ทำให้หลานสาว และป้าซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันรถยนต์ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เนื่องจากบริษัท ทิสโก้ ซึ่งเป็นบริษัทที่หลานต้องผ่อนชำระค่างวดรถ ได้ทวงถามค่างวดรถกับหลานและผู้ค้ำประกัน ซึ่งหลานสาวเห็นว่าเมื่อผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นผู้นำรถยนต์ไปก็ต้องเป็นผู้ชำระค่างวดรถ แต่ผู้หญิงคนดังกล่าวก็ไม่ได้ชำระค่างวดรถแต่อย่างใด และไม่ได้นำรถไปคืนที่บริษัท ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย
         ต่อมา ธนาคารทิสโก้ ซึ่งเป็นบริษัทไฟแนนซ์ได้ยื่นฟ้องหลานสาวและตน เป็นจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกัน ข้อหาผิดสัญญาเช่าซื้อ/ค้ำประกัน ต่อศาลจังหวัดพัทยาเป็นคดีคำเลขที่ ผบE41 1/64 คดีแดงเลขที่ ผบE764/2564 โดยศาลพิพากษาให้จำเลยทั้ง 2 ร่วมกันชำระเงินรวมดอกเบี้ยที่คิดถึงวันที่ 23 สิงหาคม 2566 เป็นจำนวนประมาณ 2,183,600 บาท และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งหมายบังคับคดีมาที่บ้านเลขที่ 139/6 ม.9 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ให้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา หากไม่ชำระจะทำการยึดบ้านและทรัพย์สินออกขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล

         ส่งผลให้ตน ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก หากเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดบ้านซึ่งเป็นทรัพย์สินออกขายทอดตลาด ตนกับหลานก็จะไม่มีที่อยู่อาศัย จึงอยากขอความเป็นธรรม และตรวจสอบจริยธรรมของผู้หญิงคนดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันนี้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเมืองพัทยา สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เป็นการกระทำที่เหมาะสมหรือไม่ กับบุคคลซึ่งเป็นนักการเมือง ซึ่งหากเขาเป็นผู้นำรถยนต์กันดังกล่าวไปใช้ก็จะต้องชำระค่างวดรถให้แก่บริษัท ทิสโก้ แต่หากไม่สามารถชำระค่างวดรถได้ด้วยเหตุผลใด ก็จะต้องนำรถส่งคืนแก่บริษัทหรือนำรถยนต์มาคืนให้แก่หลานสาวตน เพื่อที่จะได้ชำระค่างวดตามปกติ ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น โดยผู้หญิงคนดังกล่าวมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาเมืองพัทยา เป็นตัวแทนของประชาชนรับอาสาเข้ามาทำงานเพื่อช่วยเหลือและดูแลประชาชน แต่กลับมีพฤติกรรมและการกระทำแบบนี้เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อสังคม ทำให้สังคมมองว่าข้าราชการ นักการเมือง ใช้ตำแหน่งหน้าที่มาข่มขู่หรือรังแกประชาชน
Subscribe
Advertisement