เจ้าของร้านเลื่อยไฟฟ้าผวา หลังต่างชาติอ้วน-ผอม ซื้อไปก่อเหตุฆาตกรรมสุดโหดเหี้ยม

         จากคดีฆาตกรรม นายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค วัย 62 ปี นักธุรกิจชาวเยอรมัน ถูกฆ่าหั่นศพยัดตู้แช่เย็น ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังเกิดเหตุตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลจังหวัดพัทยา ออกหมายจับผู้ต้องหารวมทั้งหมด 3 คน ก่อนตำรวจจะสืบสวนแกะรอย จนสุดท้ายจับกุมผู้ต้องยกแก๊งไว้ได้ ในเวลาอันรวดเร็ว
         โดยความคืบหน้าล่าสุด บ่ายวันที่ 12 ก.ค.66 มีรายงานว่า ที่ สภ.หนองปรือ นายชาติ (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายเลื่อยไฟฟ้า ย่านพัทยาเหนือ ได้พาลูกน้องฝ่ายขายเดินทางให้ข้อมูลกับคณะพนักงานสอบสวน หลังจากมีชาวต่างชาติ จำนวน 2 คน ลักษณะอ้วน-ผอม เข้ามาซื้อเลื่อยไฟฟ้าไปใช้ในการก่อเหตุฆาตกรรมสุดโหดเหี้ยม
         นายชาติ เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา ลูกน้องที่ร้านได้รับลูกค้าเป็นชายชาวต่างชาติ จำนวน 2 คน ลักษณะอ้วน-ผอม ได้เดินเข้ามาเลือกซื้อสินค้าที่ร้านท่าทางลุกลี้ลุกลน ก่อนจะรีบเดินเข้าไปที่ช่องจำหน่ายสินค้า แล้วยกเลื่อยไฟฟ้าไร้สาย 18 โวลต์ มาหาตัวลูกน้องเพื่อสอบถามราคา หลังจากลูกค้าตกลงเรียบร้อย ได้ยื่นเงินสดจำนวน 12,900 บาท เพื่อซื้อเลื่อยไฟฟ้าอันดังกล่าว
          ทั้งนี้ หลังการซื้อขาย ทางร้านจึงลงบันทึก จดเลขซีเรียลนัมเบอร์ เพื่อทำประกันเรื่อยไฟฟ้าให้กับลูกค้า โดยลูกค้าชายต่างชาติดังกล่าว ใช้ชื่อ “Shudow” พร้อมเบอร์โทรศัพท์ 064-041-xxxx ลงในบันทึกใบประกันเลื่อยไฟฟ้า ก่อนขับรถ จยย.ออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีความผิดปกติกับลูกค้าต่างชาติคนอื่นเป็นอย่างมาก โดยไม่มีการต่อรองราคาเหมือนลูกค้าต่างชาติคนอื่น จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ตำรวจได้เดินทางมาที่ร้าน เพื่อขอเลขซีเรียลนัมเบอร์ไปเช็ค ปรากฏว่าตรงกับเลื่อยไฟฟ้าที่ลูกค้าซื้อไปใช้ในการฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม ขณะนั้นยอมรับว่าตกใจ และผวาเป็นอย่างมาก จึงรีบพาลูกน้องเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจในการประกอบสำนวนคดี สำหรับเลื่อยไฟฟ้าไร้สายชนิดดังกล่าว เป็นเลื่อยไฟฟ้าที่มีเสียงเบา ไว้ใช้ในการเลื่อยต้นไม้ และตกแต่งก้อนน้ำแข็งที่มีความหนา ภายหลังสอบสวน ทางลูกน้อง ระบุกับพนักงานสอบสวนว่า เป็นนายโอลาฟ และนายซาฮ์รูค ลูกครึ่งไทย-ปากีสถาน เป็นผู้มาซื้อเลื่อยไฟฟ้าที่ร้าน
       ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งไปตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดที่ร้านว่าใช่แก๊งผู้ต้องหาที่ถูกจับว่าเป็นคนไปซื้อหรือไม่ หากใช่ทางตำรวจก็จะนำไปประกอบสำนวนคดีเพื่อเป็นหลักฐานเพิ่มเติม
Subscribe
Advertisement