ผบ.ตร. ประชุมผู้บริหาร ตร. เน้นผู้บังคับบัญชาทั่วประเทศทำความเข้าใจ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ อย่าอ้างไม่รู้ทำประชาชนเดือดร้อน

         (22 มกราคม 67) ที่ โรงแรม ฮิลตันพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยงานในสังกัดตำรวจภูธร ภาค 2 เพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ด้านต่าง ๆ พร้อมประชุมบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครั้งที่ 1 ซึ่งเป็นการประชุมสัญจรในเขตพื้นที่ภาค 2 โดยมี พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 กล่าวต้อนรับ
        โดยก่อนการประชุมได้จัดให้มีพิธีมอบเข็มแม่นปืนกิตติมศักดิ์แก่ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และมอบรางวัลหน่วยงานที่มีผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่หน่วยงานระดับกองบัญชาการ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโดยตรง พร้อมทั้งมอบรถบรรทุกน้ำ จำนวน 1 คัน ให้กับ สภ.ทัพไทย จ.สระแก้ว ไว้ใช้บรรทุกน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคของข้าราชการตำรวจ และประชาชนในพื้นที่ และร่วมชมงานโอทอปของคณะแม่บ้านตำรวจ
          พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้ประเด็นหลักในที่ประชุมฯ เน้นย้ำแนวทางการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ตำรวจใหม่ปี 2565 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2566 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เพื่อสร้างความเข้าใจไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาทุกนายว่าจากนี้การทำงานของตำรวจต้องทำงานภายใต้กฎหมาย มีแนวทางปฏิบัติ ต้องทำให้ถูกต้อง จะมาใช้ความรู้สึกเดิมไม่ได้ หรืออ้างว่าไม่รู้ข้อกฎหมายไม่ได้ เพราะจะทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งการประชุมฯวันนี้ก็จะเป็นการประชุมรวมทั่วประเทศ เพื่อเน้นย้ำว่าการใช้ดุลยพินิจเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการสืบสวนสอบสวน แต่ยุคใหม่การสืบสวนต้องมาด้วยพยานหลักฐานที่ถูกต้อง รอบคอบ หากรวดเร็วเกินไปจะเกิดข้อผิดพลาด
          ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 จะมีการเน้นย้ำเรื่อง พ.ร.บ.อุ้มหายฯ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ระบุว่า กรณีนี้ต้องเอาพนักงานสอบสวนมาอบรมใหม่ ไม่ปล่อยให้ทำหน้าที่ตามยถากรรม ต้องให้ความรู้กับข้าราชการตำรวจ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแค่ตำรวจภาค 2 เท่านั้น แต่ต้องให้ทั้งประเทศปฏิบัติตามได้
          และในกรณีของปัญญา คงแสนคำ หรือ ลุงเปี๊ยก ที่ถูกบังคับรับสารภาพในคดีฆาตกรรมบัวผัน ตันสุ หรือป้ากบ ผบ.ตร. ระบุว่า กรณีนี้มีจเรตำรวจแห่งชาติเข้ามาทำหน้าที่สืบสวนข้อเท็จจริงด้วย ไม่ได้สอบสวนแค่เฉพาะในภาค 2 เท่านั้น มีคำสั่งให้กระบวนการแล้วเสร็จภายใน 15 วัน หากมีมูลความผิด ลำดับขั้นตอนต่อไปก็จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบวินัยร้ายแรง ซึ่งหากเข้าสู่ระเบียบการตรวจสอบวินัยฯ จะมีบทลงโทษคือ ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการทันที
          ในกรณีที่ตัวแทนจากสำนักงานอัยการพิจารณาว่าที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้แล้ว อาจเข้าข่ายพ.ร.บ.อุ้มหายฯ แต่ตำรวจพิจารณาเบื้องต้นว่ายังไม่เข้าข่ายความผิดพ.ร.บ.ดังกล่าว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนนี้ต้องรอให้มีผู้เสียหายเป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ ทางลุงเปี๊ยกยังรักษาตัวอยู่ หากรวบรวมพยานหลักฐานแล้วก็เข้าสู่การดำเนินคดีต่อไปได้

Subscribe
Advertisement