กรมเจ้าท่า เร่งเดินเครื่องโครงการเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดจอมเทียน ส่วนที่เหลือ 2.5 กิโลเมตร เขตพื้นที่พัทยา จัดเรือดูด-พ่นทรายลำใหม่เข้าประจำการ เพิ่มศักยภาพการเสริมทรายให้แล้วเสร็จตามกำหนด

           หลังจากที่กรมเจ้าท่าได้ดำเนินโครงการเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดจอมเทียน ระยะที่ 1 ระยะทาง 3,575 เมตร ซึ่งได้ว่าจ้างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล้อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินโครงการงานเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดจอมเทียน ตั้งแต่บริเวณนาจอมเทียน 4 จนถึงบริเวณจอมเทียน 11 ในระยะทาง 1,100 เมตร โดยใช้แหล่งทรายจากเกาะรางเกวียน ซึ่งเป็นทรายที่ใช้เสริมทรายชายหาดพัทยา ห่างจากชายหาดจอมเทียนไปทางทะเล 15 กม. ทำให้จากเดิมที่มีชายหาดกว้างประมาณ 5 เมตร เปลี่ยนเป็นชายหาดกว้างขึ้นเฉลี่ย 51 เมตร ทั้งนี้ได้มีการดำเนินการแล้วเสร็จไปแล้ว และได้มีการส่งมอบให้กับเทศบาลนาจอมเทียนเป็นผู้ดูแลพื้นที่สาธารณะไปเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2564
          ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความคืบหน้าการดำเนินการโครงการเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดจอมเทียน ในส่วนที่เหลือในพื้นที่เขตเมืองพัทยา ความยาว 2.5 กม. เพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะ พบว่าขณะนี้ผู้รับจ้างได้มีการกั้นพื้นที่เสริมทรายตั้งแต่บริเวณโรงแรมดราก้อน บีช รีสอร์ท จอมเทียน พร้อมทั้งได้มีการนำเรือดูด-พ่นทรายลำใหม่เข้ามาประจำการในพื้นที่ที่ทำการเสริมชายหาดในส่วนที่เหลือ
            จากการสอบถาม นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา เปิดเผยข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์ ว่า กรมเจ้าท่าจะเร่งเดินหน้าเสริมทรายชายหาดจอมเทียนในส่วนที่เหลือในระยะทาง 2.5 กิโลเมตร ซึ่งจะเป็นในส่วนพื้นที่รับผิดชอบของเมืองพัทยา โดยขณะนี้ผู้รับจ้างได้มีการเปลี่ยนเรือดูดทรายลำใหม่ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเสริมทรายจากเดิมเป็น 2 เท่า จากเดิมที่สามารถดูดทรายและพ่นทรายได้เพียง 2,000 คิว ต่อเที่ยวเรือ แต่เรือลำใหม่จะสามารถดูดทรายและพ่นทรายได้ถึง 4,000 คิวต่อเที่ยวเรือ
           สำหรับการปรับเปลี่ยนเรือดูดและพ่นทรายลำใหม่นั้นเพื่อให้การดำเนินการอยู่ตามกรอบเวลาที่กำหนด เพื่อให้การเสริมทรายแล้วเสร็จภายใน 15 พฤศจิกายน 2565 หลังจาการดำเนินการ โครงการเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดจอมเทียน ระยะที่ 1 ระยะทาง 3,575 เมตร ต้องล่าช้าออกไปเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้การเสริมทรายในส่วนที่เหลือนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติเครื่องมือ และเครื่องจักรในการเสริมทราย จากคณะกรรมการฯ คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ก็จะสามารถดำเนนิการเสริมทรายในส่วนที่เหลือได้ต่อไป
           ซึ่งการปรับปรุงเสริมทรายในครั้งนี้ จะสามารถใช้เป็นพื้นที่สันทนาการได้ดีกว่าเดิมและจัดกิจกรรมชายหาดต่าง ๆ ส่งผลให้เกิดรายได้ต่อประชาชนและภาคธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จากการศึกษาของโครงการจากการลงทุนหนึ่งบาท จะได้ผลตอบแทนกลับมาที่ 3.23 บาท และจากการคาดการณ์ ในระยะเวลา 25 ปี จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 28,042 คน สร้างรายได้ให้กับประเทศและประชาชนในท้องถิ่นได้มากขึ้น ยกระดับภาพลักษณ์ของชายหาดท่องเที่ยวทั้งระบบของชายหาดพัทยา-จอมเทียน จากชายหาดท่องเที่ยวแบบแยกส่วน เป็นระบบชายหาดท่องเที่ยวของประเทศ

Subscribe
Advertisement