เตรียมเปิดฉาก “โอลิมปิกเกมส์ 2020” ไทยพร้อมไล่ล่าเหรียญทองที่ 10

         การแข่งขัน “โตเกียวเกมส์ 2020” ครั้งนี้ ญี่ปุ่นได้ร่วมกับคณะกรรมการโอลิมปิคสากล (ไอโอซี) จัดการแข่งขันภายใต้มาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสอย่างสูงสุด ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดในญี่ปุ่นและอีกหลายประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตาม มหกรรมโอลิมปิกเกมส์ 2020 ยังคงได้รับความสนใจจากชาติสมาชิกกว่า 200 ประเทศที่ส่งนักกีฬาเข้าแข่งขัน โดยสหรัฐอเมริกาส่งนักกีฬาลงแข่งขันมากที่สุด 613 คน ตามด้วยเจ้าภาพ ญี่ปุ่น 552 คน, อันดับ 3 ออสเตรเลีย 476 คน ส่วน จีน อยู่อันดับ 4 ส่งนักกีฬาเข้าร่วมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศจำนวนทั้งสิ้น 431 คน และเยอรมนี อันดับ 5 ส่งแข่งทั้งสิ้น 425 คน
ด้านนักกีฬาไทยในโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้มีนักกีฬาที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมทั้งสิ้น 41 คนจาก 15 ชนิดกีฬาประกอบด้วย กรีฑา, แบดมินตัน, มวยสากล, เรือพาย, จักรยาน, ขี่ม้า, กอล์ฟ, ยูโด, เรือใบ, วินด์เซิร์ฟ, ยิงปืน, ยิงเป้าบิน, ว่ายน้ำ, เทเบิลเทนนิส และ เทควันโด
           สำหรับความหวังของนักกีฬาไทยในโตเกียว 2020 “บิ๊กต้อม” นายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย เผยว่า จากการประเมินความพร้อมและโอกาสแล้วเชื่อว่านักกีฬาไทยมีลุ้นอย่างน้อย 1 เหรียญทอง จาก 5 ชนิดกีฬาที่มีความหวังมากที่สุดคือ เทควันโด, มวยสากลสมัครเล่น, ยิงเป้าบิน, แบดมินตัน และกอล์ฟ เนื่องจากทั้ง 5 ชนิดกีฬานี้มีนักกีฬาที่มีดีกรีระดับโลกการันตีความสามารถและมีโอกาสมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโด รุ่น 49 กก.หญิง ซึ่งกวาดมาหมดแล้วทุกแชมป์ ขาดเพียงเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ โดยเธอเป็นนักกีฬาคนเดียวของไทยในชุดนี้ ที่เคยคว้าเหรียญทองแดงจาก โอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่ริโอ เดอ จาเนโร
         ขณะที่มวยสากล ยังได้ “เจ้าสด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี ที่พร้อมจะสั่งลาโอลิมปิกเกมส์ในวัย 36 ปี ด้วยการคว้าเหรียญทอง เช่นเดียวกับ “ณี” สุธิยา จิวเฉลิมมิตร นักกีฬายิงปืนเป้าบินที่ผ่านโอลิมปิกเกมส์มาแล้ว 3 ครั้ง ที่ตั้งเป้าจะคว้าเหรียญรางวัลให้ตัวเองให้ได้สักครั้งในชีวิต
          แบดมินตัน ถือว่ามีลุ้นในหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นคู่ผสมอย่าง “บาส” เดชาพลพัววรานุเคราะห์ และ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ถูกจัดให้เป็นคู่มือวาง 3 ของรายการ รวมถึงมือ 1 ของไทยในประเภทหญิงเดี่ยว “เมย์” รัชนก อินทนนท์
กีฬากอล์ฟ โอลิมปิกเกมส์หนนี้มี 2 โปรสาวไทยดีกรีแชมป์เมเจอร์ลงแข่ง ทั้ง “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล อดีตมือ 1 ของโลก ปัจจุบันเป็น มือ 21 ของโลก จะลงแข่งเป็นครั้งที่ 2 ที่เธอพร้อมจะทำผลงานให้ดีที่สุด และ “โปรเหมียว” ปภังกร ธวัชธนกิจ มือ 12 ของโลก
           สำหรับประเทศไทย ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ เป็นครั้งแรกที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ตั้งแต่ปี 1952 (พ.ศ.2495) ซึ่งเป็นมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ครั้งที่ 12 จากนั้นก็เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์อย่างต่อเนื่อง (ยกเว้นปี 1980 ที่มอสโก) รวมทั้งสิ้น 16 ครั้ง ประสบความสำเร็จคว้าเหรียญรางวัลได้ทั้งหมด 9 เหรียญทอง 8 เหรียญเงิน 16 เหรียญทองแดง แบ่งเป็น ยกน้ำหนัก 5 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง, มวยสากล 4 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน 6 เหรียญทองแดง และเทควันโด 2 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง
ทั้งนี้ คณะกรรมการเตรียมทัพนักกีฬาไทยตั้งความหวังใน “โตเกียวเกมส์ 2020” ไว้ 1-3 เหรียญทอง ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญของนักกีฬาไทยในการไล่ล่าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ เหรียญที่ 10 หรืออาจจะมากกว่านั้น

         ความเคลื่อนไหวของทัพนักกีฬาไทยล่าสุดได้ทยอยเดินทางเข้ากรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่นกันแล้วและลงสนามฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความคุ้นชินกับสภาพสนามและอากาศซึ่งที่ญี่ปุ่นขณะนี้ได้เข้าสู่ช่วงฤดูร้อนแล้ว
           “บิ๊กต้อม” นายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้านักกีฬาไทยกล่าวว่า “เจ้าภาพจัดการต่างๆ ได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีการป้องกันและเฝ้าระวังดูแลนักกีฬาในระดับสูงสุด เรื่องของอาหารการกินก็มีจัดเตรียมไว้อย่างหลากหลาย ในขณะที่นักกีฬาไทยก็ได้สถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงโตเกียวเข้ามาดูแลด้านอาหารเสริมให้อีกทาง ซึ่งเพียงพอกับความต้องการของนักกีฬาแน่นอน ส่วนมาตรการดูแลนักกีฬาของไทยเองก็มีการเสริมแพทย์ประจำทีมที่จะดูแลด้านโควิดโดยเฉพาะ”
          อนึ่งในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ จะมีพิธีเปิดการแข่งขัน “โตเกียวเกมส์ 2020” อย่างเป็นทางการ เจ้าภาพได้มีข้อจำกัดจำนวนคนในการเข้าร่วมพิธีของแต่ละประเทศ โดยนักกีฬาที่จะถือธงชาติไทยนำคณะนักกีฬาเข้าสู่สนามในพิธีเปิด ได้แก่ “เอิน” ณภัสวรรณ หย่างไพบูลย์ นักกีฬายิงปืนหญิง และ “แซม” เศวต เศรษฐาภรณ์ นักกีฬายิงเป้าบินชาย ร่วมรับหน้าที่อันทรงเกียรตินี้เป็นครั้งแรก ตามนโยบายของ ไอโอซี ที่ส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ
Subscribe
Advertisement