สาวพนักงานขายกัญชาสุดช็อก!! อยู่ดีๆ ถูกหนุ่มเพี้ยนบุกกระหน่ำต่อยท้อง ทำลายข้าวของ ห่างจากป้อมตำรวจจราจรเพียง 50 เมตร

เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 27 เม.ย.68 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางสาววดี (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี พนักงานขายกัญชา ประจำร้านขายกัญชาแห่งหนึ่ง ติดกับแยกไฟแดงพัทยาใต้สาย 3 (แยกโทนี่) หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยเธอบอกว่ารู้สึกไม่ปลอดภัย หลังถูกชายไทยบุกเข้าไปในร้าน แล้วลงมือทำร้ายเธออย่างไม่มีสาเหตุ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อีกทั้งมีข้าวของในร้านพังเสียหาย โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพพฤติกรรมของคนร้ายได้อย่างชัดเจน เหตุเกิดตอน 23.00 น.ของวันที่ 25 เมษายน 68 ที่ผ่านมา

นางสาววดี เล่าว่า ในคืนวันเกิดเหตุ ตนเองอยู่ในร้านกัญชาเพียงลำพัง จากนั้นก็มีผู้ชายไทย 1 คน สวมเสื้อคอกลมสีดำ มีกระเป๋าสะพายคาดหน้าอก นุ่งกางเกงขายาว สวมรองเท้าแตะสีขาว และที่แขนทั้ง 2 ข้างสวมใส่ปลอกแขนกันแดด เดินเข้ามาในร้าน และมีพฤติกรรมผิดปกติ คล้ายกับคนกำลังอยากเสพยา (ของขาด) โดยมือทั้งสองข้างสั่นตลอดเวลา และมีแววตาที่น่ากลัวมาก ครั้งแรกที่ชายดังกล่าวเดินเข้ามาในร้าน ได้ทำทีสอบถามราคากัญชา จากนั้นก็เดินเข้ามาในเคาน์เตอร์ ยืนขวางไม่ให้ตนเดินออกไปไหน ตนเองจึงออกอุบายว่าขอเข้าห้องน้ำ ในระหว่างที่เปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำ ชายดังกล่าวได้ใช้มือดันและผลักประตู จนตนเองกระเด็นปลิวเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะปรี่ต่อยเข้าที่ท้องตนเอง 2-3 ครั้ง จากนั้นตนเองพยายามสู้ตาย เพื่อเอาชีวิตรอด ระหว่างที่มีการฉุดกระชากกัน จนทำให้อ่างล้างหน้าหล่นตกลงมาแตก ผู้ก่อเหตุก็เกิดชะงัก ตนเองจึงแกล้งบอกว่า “พี่ต้องการอะไร ต้องการเงินหรือ” แต่ผู้ก่อเหตุก็เดินหนีออกจากร้านไป ตนเองจะรีบมาล็อกประตู พอแน่ใจว่าผู้ก่อเหตุไปแล้ว จึงรีบไปแจ้งขอความช่วยเหลือกับตำรวจที่ประจำอยู่ป้อมตำรวจจราจรใกล้ๆร้าน

เมื่อไปแจ้งตำรวจ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ตำรวจฟัง ปรากฏว่าได้รับคำตอบเพียงว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นคนเร่ร่อน หากจับไปก็ทำอะไรไม่ได้เต็มที่ ติดคุกไม่เกิน 48 ชม. ก็ต้องถูกปล่อยตัวออกมา แล้วก็จะกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก ด้วยความกลัวไม่รู่จะทำเช่นไร จึงอยากฝากผู้สื่อข่าว ช่วยนำเสนอเรื่องราว เพื่อเตือนภัยให้กับสังคม ซึ่งแม้ผู้ก่อเหตุจะเป็นคนเร่ร่อนไร้ที่อยู่ แต่พฤติกรรมน่ากลัวมาก เพราะเชื่อว่าไม่ใช่คนสติไม่ดี แต่น่าจะเป็นคนที่ต้องการเสพยาเสพติด แถมยังกล้าก่อเหตุในพื้นที่เขตชุมชน มีผู้คนพลุกพล่าน ซึ่งตนเองยอมรับความยังกลัวและช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังกลัวว่าคนก่อเหตุจะกลับมาอีก หรือไปก่อเหตุกับคนอื่นซ้ำอีก

Subscribe
Advertisement