เมื่อวันที่ 18 ม.ค. พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม.พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. พ.ต.ต.ณรงเวทย์ จิวเดช สว.กก.2 บก.ปคม. นำกำลังจับกุม น.ส.พัณณ์ชิตา อายุ 20 ปี น.ส.เจนจิรา อายุ 20 ปี และนายพงษ์กร อายุ 19 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือ ส่งไปฝึกงานต่างประเทศได้ ,ร่วมกันใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ หรือใช้กําลังประทุษร้ายบังคับข่มขืนใจพาไปนอกราชอาญาจักร” โดยจับกุม น.ส.พัณณ์ชิตา ได้ที่บริเวณถนนหน้าค่ายทหารพราน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ส่วนนายพงษ์กร กับ น.ส.เจนจิรา จับกุมตัวได้ที่ ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
เนื่องจากเมื่อเดือน พ.ย.2566 เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีได้พาผู้เสียหายคนไทยบางส่วนจากจํานวน 26 ราย ที่ถูกหลอกให้เปิดบัญชีธนาคารสแกนหน้าที่ปอยเปตประเทศกัมพูชา ให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำไปใช้หลอกลวงเหยื่อ มาเข้าพบตำรวจ บก.ปคม. เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวมารับโทษ หลังรับเรื่องจึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส จนทราบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ จะใช้บัญชีเฟซบุ๊กอวตาร โพสต์รับจัดหาคนไปทํางานรับแลกเปลี่ยนสกุลเงินตรา อ้างได้รับเงินเดือน 35,000-40,000 บาทต่อเดือน แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องเปิดบัญชีธนาคารให้จำนวน 10 บัญชี เพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนเงินและจะได้ค่าตอบแทนส่วนต่างบัญชีละ 5,000 บาท จนทำให้มีผู้หลงเชื่อ แต่เมื่อไปถึงปอยเปตประเทศกัมพูชากลับถูกบังคับให้แสกนหน้าเปิดบัญชี ก่อนนําบัญชีไปใช้เป็นบัญชีม้าหลอกผู้เสียหายโอนเงิน จากนั้นก็จะส่งตัวกลับประเทศ โดยไม่ได้รับค่าตอบแทน ตามที่ตกลงกันไว้ ซ้ำยังต้องมาถูกจับดําเนินคดีข้อหาเปิดบัญชีม้าอีกด้วย เจ้าหน้าที่จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนี้ ซึ่งอยู่ร่วมในขบวนการดังกล่าวได้เดินทางกลับจากปอยเปตประเทศกัมพูชาโดยหลบเข้ามาช่องทางธรรมชาติ เพื่อจะกลับบ้านที่ภูมิลำเนาเดิม จึงนำกำลังตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
สอบสวนผู้ต้องหาทั้งสามราย ให้การรับสารภาพว่าเป็นสมาชิกอยู่ร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนในประเทศกัมพูชาจริง โดยทำหน้าที่เป็นคนหลอกเหยื่อไปเปิดบัญชีโดยการอ้างว่าจะพาไปทํางานที่กัมพูชา ซึ่งหากทำสําเร็จ จะได้ค่าคอมมิชชั่นคิดเป็นรายคน รายละ 10,000 บาท และจะได้ค่าบัญชีม้าที่ผู้เสียหายเปิดให้อีก 5,000 บาทต่อ 1 บัญชี เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
Advertisement