เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 1 ก.ค. ที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.ศราวุฒิ ลิจฉวีราช , พ.ต.อ.ราม รสหอม รอง ผบก.รน. และคณะเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีเรือน้ำมันเถื่อน ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดี
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า มติที่ประชุมได้ข้อสรุปแล้วว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ ประกอบด้วย ตำรวจระดับสารวัตร 1 ราย และชั้นประทวน 2 ราย รวมถึงเตรียมประสานให้ บก.รน. ส่งตัวแทนเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อแจ้งเอาผิดตามมาตรา 157 กับ ตำรวจชั้นประทวน ทั้ง 2 นายนี้เพิ่มเติม นอกจากนี้หลังเสร็จสิ้นคดีก็จะดำเนินการยื่นฟ้องคดีละเมิดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กรณีทำให้ทรัพย์สินราชการ หรือของกลางเสียหายอีกด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดการดำเนินคดีมาตรา 157 จึงมีเพียง ตำรวจชั้นประทวนทั้ง 2 นายนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เนื่องจากตรวจสอบทุกมิติแล้วพบว่าเป็นการกระทำที่บกพร่องต่อหน้าที่ ละเว้นไม่เข้าเวรยามจนเป็นเหตุให้เรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา เราทำตามข้อเท็จจริง ผิดหรือถูกว่ากันในศาล ส่วนตัวสารวัตรนั้นจากการตรวจพบไม่พบว่าเข้าข่ายความผิด 157 ดังกล่าว
“ตำรวจมีหน้าที่รับผิดชอบ เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นอุทาหรณ์ สอนให้ต้องตระหนักต่อหน้าที่ ไม่ใช่ปล่อยปละจนเกิดความเสียหาย ยอมรับว่าเห็นใจ แต่ในเมื่อเราถือกฎหมายเหมือนกัน ถ้าคุณคิดว่าที่เราสั่งงานแล้วไม่ทำ จนทำให้เกิดความเสียหาย ถ้าไม่ดำเนินคดี ภาพรวมของตำรวจก็เสียไปด้วยจึงไม่สามารถปล่อยผ่านได้”
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีตรวจสอบสอบข้อมูลโทรศัพท์มือถือของตำรวจน้ำทั้ง 9 นาย ขณะนี้ตรวจสอบไปแล้วทั้ง 8 เครื่อง ไม่พบความผิดปกติ คงเหลือเพียง 1 เครื่อง ซึ่งเป็นเครื่องของ ผกก. ที่ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากไฟล์มีขนาดใหญ่ ทางกองปราบฯอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ ยืนยันจะตรวจสอบให้ครบทุกมิติ เพื่อพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดเรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่มีการดำเนินการวินัยร้ายแรงกับนายตำรวจระดับบน หรือ ผู้บังคับบัญชา แต่กลับเพียงเอาผิดเพียงผู้ใต้บังคับบัญชา สารวัตร กับชั้นประทวน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ชี้แจงในส่วนนี้ว่า เราให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ยึดข้อเท็จจริงเป็นหลัก เหตุที่เจ้าหน้าที่ระดับผู้การ รองผู้การ ไม่ได้ถูกเอาผิดนั้น เพราะมองว่าความรับผิดชอบในส่วนของการดูแลเรือของกลางนั้น เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของสารวัตร แต่ไม่ใช่ว่าตำรวจระดับผู้ใหญ่ จะไม่ถูกตรวจสอบ เราตรวจสอบหมด ครอบคลุมทุกมิติ หากพบว่าผิดก็ต้องถูกดำเนินการไม่ต่างกัน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการออกหมายจับเพิ่มเติม เบื้องต้นได้พูดคุยกับ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ทราบว่า ทั้งในส่วนของคดีเรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย และคดีขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนนั้น คาดว่าจะสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับได้ภายในสัปดาห์นี้ ราวๆ 4-5 ราย ซึ่งผู้ที่จะถูกออกหมายจับทั้ง 2 คดี เบื้องต้นพบว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน ยืนยันว่าในจำนวนนี้ มี “เสี่ยโจ้” รวมอยู่ด้วย
“ส่วนเรื่องแชตหลุด เบื้องต้นได้ทำการสอบปากคำนักข่าวที่เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวไว้บางส่วน รวมถึงสอบปากคำ พ.ต.อ.วรเอก หรือ ผกก.เน่า เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าคนในแชตเป็นตนเองจริง แต่ขอปฏิเสธเรื่องที่ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ ส่วนคู่สนทนาที่แขตด้วยนั้นจากแนวทางสืบสวนเชื่อว่าเป็นเสี่ยโจ้”
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ในส่วนของ “หนุ่มเพชรบุรี” เจ้าหน้าที่ได้พยายามโทรศัพท์ไปหาแต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ รวมถึงส่งหนังสือเขิญตัวมาให้ปากคำแล้วแต่ก็ยังไม่มีการตอบรับ จึงเตรียมส่งเจ้าหน้าที่ไปหายัง อบจ.เพชรบุรี เพื่อสักถามข้อสงสัยให้กระจ่างชัด ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการเรียกรับเงินผลประโยชน์ตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ ทั้งนี้อยากให้เจ้าตัวออกมาพูดความจริงทุกอย่างจะดีกว่า ยิ่งแฉยิ่งดี ตนจะได้ปัดกวาดบ้านตัวเองให้หมด
ส่วนเบาะแสที่ซ่อนตัวของ “เสี่ยโจ้“ จากแนวทางสืบสวน ยังเชื่อว่าหลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศกัมพูชา ซึ่งหากหมายจับออก ทางชุดคลี่คลายคดีจะเริ่มกระบวนการนำตัวกลับมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด รอง ผบช.ก. กล่าวทิ้งท้าย